OFTR BAR
Tanisorn Vongsoontorn / Time Out Bangkok

12 บาร์ที่เหมาะกับการไปนั่งชิลในคืนฝนพรำ

เลือกร้านที่ใช่แล้วออกไปนั่งฟังเพลงกลบเสียงฝนกันได้เลย

Top Koaysomboon
การโฆษณา

ช่วงนี้กรุงเทพฯ ฝนตกถี่ๆ นอกจากจะทำให้น้ำท่วมแล้ว ผลข้างเคียงอีกหนึ่งอย่างที่มาพร้อมสายฝนก็คือบรรยากาศเหงาๆ เราเลยอยากชวนคนเหงาออกไปหาอะไรทำ ให้คืนที่ฝนพรำมีสีสันขึ้นมาหน่อย และนี่คือ 12 บาร์ที่เราว่าเหมาะกับการเข้าไปนั่งหลบฝน เลือกร้านที่ใช่แล้วออกไปนั่งฟังเพลงกลบเสียงฝนกันได้เลย

  • คาเฟ่และบาร์
  • คลองเตย

สกายบาร์ที่ตกแต่งด้วยสไตล์ตะวันตกแต่ก็มีกลิ่นไทยๆ แซมอยู่ในรายละเอียดเพื่อสะท้อนตัวตนของ พระยาวิไชเยนทร์ หรือ คอนสแตนติน ฟอลคอน ที่แม้จะเป็นคนต่างชาติแต่ก็ปรับตัวให้เข้ากับความเป็นไทยได้จนได้เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย

ร้านสวยกินขาดด้วยวิวเมืองบนชั้น 34 ของโรงแรม Wyndham Bangkok Queen Convention Centre ที่ตั้งของร้านที่ไม่ว่าจะมาตอนยังมีแสงแดดอ่อนๆ หรือมาตอนฟ้ามืดแล้วก็สวย หรือจะไปตอนฝนตกอย่างเราก็ยังสวย ค็อกเทลซิกเนเจอร์ที่ร้านจะมีทั้งหมด 9 แก้ว แบ่งเป็น 3 ช่วงเวลาสำคัญของชีวิตฟอลคอนและแต่ละช่วงเวลาก็จะเล่าเรื่องราวผ่านค็อกเทล 3 แก้ว

 

  • คลองเตย

บาร์แผ่นเสียงเปิดใหม่ในซอยสุขุมวิท 36 (นภาศัพท์ 1) ซึ่งเป็น alternative listening bar หรือ บาร์ที่เล่นเพลงทางเลือก นำโดย ‘กิ-กิรตรา พรหมสาขา ณ สกลนคร’ แห่ง Have You Heard? Records

บรรยากาศในร้านจะออกแนวสบายๆ เหมือนห้องนั่งเล่นที่บ้านเพื่อน เกินครึ่งของพื้นที่ในร้านคือบาร์ไม้ยาวๆ ที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อให้คนคุยกันได้น้อยลงและได้นั่งฟังเพลงมากขึ้น แต่ก็มีมุมโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งคุยกันสำหรับคนที่มากันเป็นกลุ่ม ถัดไปหน่อยเป็นมุมขายแผ่นเสียงจากร้าน Have You Heard? Records และมีสินค้า music merch ให้ซื้อกลับบ้านได้ด้วย

ค็อกเทลเป็นอีกอย่างที่ทำให้เรารู้สึกสบาย (ตั้งแต่ยังไม่ได้ดื่ม) เพราะที่นี่มีแค่คลาสสิกค็อกเทล ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอย่าง Highball, Gin Tonic, Negroni ราคาก็ดีมาก เริ่มต้นที่แก้วละ 200 บาท แถมแต่ละแก้วก็ถือว่าทำได้ดีเลยล่ะ ใครไม่ใช่สายค็อกเทลก็มีไวน์ มีเบียร์ให้สั่ง หรือใครมาหิวๆ ก็สั่งของกินมารองท้องได้ เช่น ไก่ยากิโทริ ไก่เทอริยากิ ฯลฯ ราคาเริ่มต้น 150 บาท

 

การโฆษณา
  • ค็อกเทลบาร์
  • พร้อมพงษ์

บาร์ที่ถูกเซ็ตขึ้นมาเพื่อถ่ายทำหนังเรื่อง One for the road ก่อนเปิดขายจริงไปพร้อมๆ กับช่วงที่หนังเข้าฉายในโรง เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหุ้นส่วนหลายคน นำโดย บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้กำกับ One for the road และ หว่อง กาไว ที่ทำหน้าที่อำนวยการผลิต คาแร็กเตอร์ของบาร์จึงมีความผสมผสานระหว่างบาร์สไตล์นิวยอร์ก (แบ็กกราวน์ในหนัง) และบรรยากาศเหงาๆ ในหนังหว่อง กาไว

บาส-นัฐวุฒิ ซึ่งมีประสบการณ์จาก Mutual Bar บาร์ค็อกเทลในซอยสุขุมวิท 24 มาแล้ว เป็นคนคิดค็อกเทลซิกเนเจอร์ของที่นี่ ร่วมกับ หนึ่ง-รณภร คณิวิชาภรณ์ จาก Mahaniyom บาร์กลิ่นอายไทยบนถนนสี่พระยา โดยค็อกเทลซิกเนเจอร์มีทั้งหมด 10 แก้ว ส่วนหนึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของตัวละคร

  • ค็อกเทลบาร์
  • สุขุมวิท 24
  • ราคา 2 จาก 4
  • 4 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ

ด้วยความชอบและความสนใจในเรื่องของบาร์ ทำให้เพื่อน 7 คนจากวงการภาพยนตร์และโฆษณายึดเอาพื้นที่บนชั้น 5 ของตึกเก่าย่านพร้อมพงษ์ทำเป็นบาร์บรรยากาศสบายๆ ที่ใครเบื่อความวุ่นวายในตัวเมืองก็สามารถหลบขึ้นมาพักผ่อน นั่งดื่มค็อกเทลและเสพย์ดนตรีแจ๊สที่มีบรรเลงตลอดค่ำคืนได้ทุกเมื่อ

การโฆษณา
  • ค็อกเทลบาร์
  • ทองหล่อ
  • ราคา 3 จาก 4

อีกหนึ่งบาร์เพลงแจ๊สที่นักดื่มโปรดปรานและขึ้นชื่อเรื่องคลาสสิคค็อกเทล แต่ถึงแม้ที่แห่งนี้จะเป็นที่นิยมไม่น้อย ทว่าหากคุณเลือกนั่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์เพื่อหันหลังให้กับทุกสิ่ง (เราหมายถึงทางเข้าและผู้คนในร้าน) หรือเลือกโต๊ะที่นั่งชิดติดกำแพงซึ่งเหมาะกับการมาคนเดียวหรือสองสามคน เราเชื่อว่าคุณจะเอ็นจอยกับบรรยากาศและเครื่องดื่มจนอยากกลับมาบ่อยๆ เลยล่ะ

  • อิซากายะ
  • เย็นอากาศ
  • ราคา 2 จาก 4
  • 3 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ
PrumPlum Umeshu Bar & Bistro
PrumPlum Umeshu Bar & Bistro

เหตุผลที่ทำให้เราต้องมาที่ PrumPlum Umeshu Bar & Bistro (พรัมพลัม อูเมะชู บาร์และบิสโทร) บาร์ขนาดไม่ใหญ่นักในซอยศรีบำเพ็ญไม่ไกลจากร้านหว่อง ก็คือคอลเลกชั่นเหล้า umeshu หรือเหล้าบ๊วยโฮมเมดแบบญี่ปุ่นที่มีหลากหลายที่สุดในกรุงเทพฯ

การโฆษณา
  • ค็อกเทลบาร์
  • เยาวราช
  • ราคา 2 จาก 4
  • 5 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ
Ba Hao
Ba Hao

ร้านสี่ชั้นที่เป็นทั้งบาร์และโรงแรม โดยบาร์ชั้นแรกนั้นอาบไปด้วยแสงไฟสีแดงที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของร้านนี้ ชวนให้นึกถึงเขตเรดไลท์ของเซี่ยงไฮ้ รวมกับเฟอร์นิเจอร์ของจีนแบบบ้านๆ ที่สร้างบรรยากาศให้เหมือนกับอยู่ในร้านน้ำชาแบบโอลด์สกูล

  • อาหารฝรั่งเศส
  • เยาวราช
  • ราคา 2 จาก 4
Foojohn
Foojohn

เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่พ่อลูกชาวจีนได้ค้าขายอยู่ที่ตึก Foojohn ในซอยเจริญกรุง 31 และเมื่อทั้งคู่ตัดสินใจเลิกกิจการ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ก็ได้เข้าซื้อห้องแถว 5 ชั้นแสนคลาสสิคหลังนี้ก่อนถูกตกแต่งเสียใหม่ในสไตล์เรโทรให้กลายเป็นร้านอาหารและบาร์ในแบบ East-meets-West ชั้น 1 และ 2 ของร้านเสร็จสมบูรณ์แล้วในชื่อว่า Foudejoie ส่วนอีก 3 ชั้นข้างบนจะกลายเป็นบาร์เบียร์และร้านสเต๊กสไตล์อเมริกันแท้ๆ ในอีกไม่ช้าไม่นานนี้   

เมื่อก้าวเข้าไปในร้าน Foudejoie เราจะเจอกับแสงไฟสลัวๆ กับบรรยากาศแบบย้อนยุคที่ชวนให้นึกถึงร้านอาหารสไตล์บิสโทรในฮ่องกงช่วงยุค 70's โดยตกแต่งด้วยกระจก ชุดโต๊ะเก้าอี้แบบร้านอาหารสมัยก่อน และโมเสกราวกับหลุดออกมาจากหนังของ หว่อง กาไว เลยทีเดียว

อาหารของน้านจะเป็นเมนูเบาๆ ในสไตล์ปารีส เช่น cured meat และชีส ที่เสิร์ฟมาบนเขียงไม้เหมาะกับการทานคู่กับไวน์ฝรั่งเศสชั้นยอด (เริ่มต้นที่แก้วละ 140 บาทเท่านั้น) รวมไปถึงเมนูเครปแบบฝรั่งเศสแท้ๆ อย่าง Parisienne (200 บาท) ที่มีทั้งแฮม ชีส ไข่ ก่อนโรยด้วยกุ้ยช่าย หรือจะลองเป็น Foie Gras (240 บาท) เนื้อสัมผัสเนียนๆ ของตับห่านกับลูกเกดรสชาติเข้มที่หมักในเหล้ามาแล้ว

ชั้นบนของร้านจะเป็นส่วนของบาร์ค็อกเทลที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุค Prohibition ช่วงห้ามจำหน่ายเหล้าในอเมริกาช่วงปี 1920 ซึ่งบารืแห่งนี้ได้รับการดูแลโดยมิกโซโลจิสต์ชาวฝรั่งเศส Antoine Loubry ที่ได้นำสูตรค็อกเทลมาจากหนังสือค็อกเทลสุดคลาสสิค Savoy Cocktail Book เช่น 12Mile Limit ประกอบไปด้วย รัม เหล้าคอนยัค มะนาวและน้ำเชื่อมทับทิม (320 บาท) และ Satan Whiskers (จิน เวอร์มุธ น้ำส้ม และบิทเทอร์ส้ม 380 บาท) มาให้ลองกันอีกด้วย

การโฆษณา
  • ค็อกเทลบาร์
  • อารีย์
  • ราคา 2 จาก 4
  • 4 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ
ตอนนี้อารีย์ได้ต้อนรับค็อกเทลบาร์ร้านใหม่ล่าสุด The Key ที่ Josh Hotel โดยนำเรื่องราวของจอช ตัวละครสมมุติซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม และการเดินทางข้ามทวีปของเขาในยุค 80 มาเป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่งร้านทั้งกระจกสูงจรดเพดาน เฟอร์นิเจอร์กำมะหยี่ และการตกแต่งด้วยทอง เป็นต้น ตัวเครื่องดื่มของร้านเองก็ได้แรงบันดาลใจจากยุค 80 โดยมิกโซโลจิสต์ของร้านยังได้สร้างเครื่องดื่มซิกเนเจอร์พร้อมชื่อและเรื่องราวที่น่าสนใน ไม่ว่าจะเป็น Mr. Josh Journey (380 บาท) ที่นำเครื่องดื่ม Old Fashioned มาปรับเสียใหม่ อีกแก้วคือ Marilyn 1950s (380 บาท) เครื่องดื่มเบสวอดก้า ผสมผสานด้วยมาลิบู น้ำมะนาว ไซรัปน้ำผึ้ง ไซรัปอบเชย บิตเตอร์เกรปฟรุ๊ต และอบเชยรมควัน ซึ่งเป็นตัวแทนของความชื่นชอบของจอชที่มีต่อนักแสดงผู้โด่งดัง ส่วน Dao Ruang (320 บาท) คือแฟนสาวชาวไทยของจอช ซึ่งทำออกมาเป็นค็อกเทบที่ผสมผสานจิน เบียร์ ไซรัปกระเจี๊ยบ น้ำมะนาว และส่วนผสมลับ เสิร์ฟพร้อมกับขนมอาลัว 
  • ค็อกเทลบาร์
  • รัตนโกสินทร์
  • ราคา 2 จาก 4
  • 4 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ
Ku Bar
Ku Bar

ถ้ามาที่นี่ครั้งแรกขอบอกเลยว่าต้องสับสนแน่นอน เพราะซอยเล็กๆ ข้าง Brown Sugar Jazz Bar มีตึกที่ดูเหมือนกับตึกร้างตั้งอยู่หลังศาลพระภูมิ (อย่างกับในหนังผีเลยก็ว่าได้) หลังจากผ่านบันไดมืดๆ เราจะได้พบกับ Ku Bar บาร์สบายๆ บรรยากาศเป็นมิตรอยู่เบื้องหลังประตูไม้ที่ชั้น 3  ร้านนี้เป็นผลงานของก้อง ผู้ซึ่งเคยทำบาร์ที่ร้าน Angel’s Share ที่นิวยอร์ก และยังเป็นลูกศิษย์ของเจ้าพ่อค็อกเทล Shingo Gokan กับ Elaine Sun บาริสต้าและผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ชื่อดัง ในร้านมีบาร์หินอ่อนสีขาวสะอาดตาตกแต่งด้วยขวดเหล้าไม่กี่ขวด โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ไฟนีออนสีม่วงตั้งอยู่ท่ามกลางแสงไฟสลัวๆ ของร้าน ทำให้ Ku Bar กลายเป็นร้านที่มีส่วนผสมที่ลงตัวของความสบายและความลึกลับได้อย่างลงตัว  เครื่องดื่มของที่ร้านตั้งชื่อตามวัตถุดิบตามท้องถิ่น ที่บางอย่างก็เอามาจากตลาดใกล้ๆ ร้านไม่ว่าจะเป็น Kua-Chai/Melon (350 บาท) ค็อกเทลรสชาติเข้มข้น ที่มีความหวานผสมอยู่อย่างลงตัวของเตกิล่า น้ำที่คั้นจากคื่นช่าย และเมล่อน ซอสทาบาสโก้ และสเปรย์แอ็บซินธ์ ส่วนค็อกเทลสุดคลาสสิคอย่าง Adonis cocktail ก็ถูกนำมาทำเสียใหม่กลายเป็น Rose (360 บาท) ค็อกเวอร์มุธกลิ่นกุหลาบ รวมไปถึง Banana (380 บาท) เครื่องดื่มเหล้ากลิ่นกล้วยผสมช็อกโกแลต เวอร์มุธหวาน และเหล้าอีกหลายชนิด เสิร์ฟในแก้วที่ตกแต่งด้วยจันทร์เทศ ผงอบเชย และผงโกโก้ ที่นี่ยังมีไวน์ออร์แกนิคให้เลือกอีกด้วย (เริ่มต้นที่ 320 บาทต่อแก้ว) แต่ขอบอกก่อนว่าที่นี่เขาไม่ให้ยืนดื่มนะ ฉะนั้นขอแนะนำให้โทรไปจองก่อนจะไป เพราะบาร์จุได้ 18 คนเท่านั้น

การโฆษณา
  • เจริญกรุง
  • 4 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ

เปลี่ยนบ้านเก่าในซอยเจริญกรุง 28 ให้กลายเป็นบาร์สุดฮิป ตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์ลายนกแก้วและนกฟลาเมนโก้สีชมพู รวมไปถึงการใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ โซฟาแบบวินเทจ ไฟนีออนรูปสับปะรด และดอกกล้วยไม้ในการตกแต่ง ที่นี่ไม่ใช่บาร์ทิกิ แต่เป็นบาร์ที่ผสมผสานความเป็น "ทรอปิคัล" เข้าด้วยกันมากกว่า เน้นเครื่องดื่มเบสรัมเป็นหลัก โดยผสมผสานกับการใช้น้ำผลไม้สด และน้ำเชื่อมจากผลไม้ท้องถิ่นตามฤดูกาล

  • ค็อกเทลบาร์
  • เจริญนคร
ThreeSixty
ThreeSixty

ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ที่โรงแรมมิลเลเนียล ฮิลตัน บนถนนเจริญกรุง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และที่พิเศษคือสามารถเลือกนั่งได้ 2 ฝั่ง คือฝั่งพระนครที่เป็นวัดต่างๆ และฝั่งสาธร ... มาที่นี่ ไม่ต้องกลัวว่าราคาจะสูงเกินไป เพราะราคาของที่นี่ก็พอๆ กันกับ Rooftop ที่อื่นๆ

เรื่องเด่น
    เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ
      การโฆษณา