Supanniga Eating Room, Tha Tien
Supanniga Eating Room, Tha Tien | Photograph: Tanisorn Wongsoontorn

รวมร้านอาหารอร่อยและคาเฟ่น่านั่ง ย่านท่าเตียน-วัดโพธิ์

ย่านเก่าแก่ที่กลายเป็นหนึ่งในแหล่งรวมร้านอาหารและตาเฟ่ที่ฮิปที่สุดในกรุงเทพฯ

Aekkachai Suttiyangyuen
การโฆษณา

ย่านท่าเตียน เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในย่านการค้าที่เก่าแท่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ พลุกพล่านไปด้วยคนไทยที่มาจับจ่ายซื้อของ หรือเดินทางทางเรือ และนักท่องเที่ยวที่มักจะแวะเที่ยวก่อนหรือหลังเยี่ยมชมวัดโพธิ์ วัดพระแก้ว และพระบรมมหาราชวัง ที่อยู่ใกล้เคียงกัน ความคึกคักที่ไม่เคยขาดหายไปนี้ บวกกับการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสนามไชย หน้ามิวเซียมสยาม ที่ใกล้จะแล้วเสร็จ ก็อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ย่านเก่าแก่แห่งนี้ได้ต้อนรับร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่ ที่ผสมผสานความเก่าและความใหม่อย่างเข้าที ทยอยเปิดตัวกันอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเพิ่มความคึกคักให้กับย่านเก่าแก่นี้เข้าไปอีก 

ร้านอาหารอร่อยและคาเฟ่น่านั่งในย่านท่าเตียน-วัดโพธิ์

  • อาหารไทย
  • รัตนโกสินทร์
  • 5 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ

กลับไปเยือน Nusara ผลงานของเชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร และน้องชาย คุณตาม-ชัยสิริ ทัศนาขจร  ในโลเคชั่นใหม่ สวยทั้งข้างในและนอก กินอาหารสูตรคุณยายนุสราแบบไฟน์ไดนิ่งรับวิวโพธิ์แบบเต็มตา

ก่อนที่จะพูดถึงอาหาร เราอยากขอใช้พื้นที่พูดถึงความสวยของร้านนุสราโลเคชั่นใหม่ ที่ย้ายออกมาอยู่หน้าปากซอย ในตึกสีเหลืองอ่อนสี่ชั้นบริเวณหัวมุม มองผ่านๆ จากข้างนอกเกือบจะมองไม่ออกว่าคืออะไร แต่แค่พลักประตูเข้าไป จะเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่งที่ความคลาสสิก ความโมเดิร์น ถูกผสมรวมกัน พร้อมดีเทลการเล่นสีที่ถอดแบบมาจากหลังคาของวัดโพธิ์ตรงหน้า ในโทนสีแดง เขียว และสีเหลือง และออนท็อปด้วยวิววัดโพธิ์จากหน้าต่างบานใหญ่ของร้าน ที่น่าจะเป็นร้านอาหารแห่งเดียวในย่านท่าเตียนที่มาพร้อมกับวิวอลังการขนาดนี้ สมมงร้านอาหารยอดเยี่ยมอันดับ 3 จากเวที Asia's 50 Best Restaurants 2023

แต่เราเชื่อว่าไม่ใช่แค่การตกแต่งร้านและวิวที่สวยขนาดนี้ เมื่อได้ลองชิมอาหารฝีมือของ เชฟเล้ง-นิธิศ นิธิกัมพล หัวหน้าพ่อครัวร้านอาหารไทยผู้ไม่เคยทำงานครัวไทยมาก่อน แต่เขาก็สามารถถ่ายทอดรสชาติและรสมือของอาหารไทยต้นตำรับหลากมิติรสชาติและสีสันของ “นุสรา” คุณยายของเชฟต้น ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยสนุกสนานและทันสมัย ผ่านทั้ง 11 คอร์สแทรกด้วยเทคนิคและลูกเล่นแบบอาหารฝรั่ง ที่เชฟเล้งเล่าว่า คือการพัฒนารสชาติของความเป็นนุสราที่ดีอยู่แล้วให้ดีและลงตัวมากยิ่งขึ้น 

เริ่มต้นด้วย ‘ต้มส้มปลาอินทรีย์’ ที่มาแต่ชื่อเพราะเชฟเลือกใช้ปลา King Mackeral รมควันที่ให้รสสัมผัสแน่นๆ เหมือนกันแทน ซ้ำซุปกึ่งเจลลี่และเมอแร็งก์เปิดลิ้นด้วยความสดชื่น ต่อเนื่องด้วย ‘ยำปลาหมึก’ ได้แรงบันดาลใจมาจากข้าวเกรียบปากหม้อ ที่ใช้ปลาหมึกหอมจากตราดมาฝานบางๆ ห่อไส้เครื่องยำรสอ่อนๆ ให้เตรียมรับความร้อนแรงจาก ‘แกงปูใบชะพลูกรอบ’ หอมกลิ่นเครื่องแกงใต้ผสมกะปิและบีบมะกรูดเติมมิติแบบขลุกขลิก เคลือบปูก้อนโตจากนครศรีฯ โรยด้วยไข่แมงดาย่างจากตราดเพิ่มเท็กซ์เจอร์ 

เสร็จแล้วขึ้นเหนือไปกับ ‘อ่องปูนาอินทรีย์แนมข้าวมัน’ ใช้ข้าวหอมมะลิพันธุ์ข้าวเหนียวเขี้ยวงูหุงกับน้ำกะทิและสมุนไพร เป็นเบสความนวลให้กับอ่องปูนาออร์แกนิกจากลำพูน แทรกด้วยรสฉุนนิดๆ ซ่าหน่อยๆคล้ายวาซาบิจากซอสที่มีส่วนผสมด้วยผักกาดหิ่น

ปิดท้ายโซนแรกด้วย ‘ต้มข่าปลาสลิด’ ต้มข่าเมนูคุ้นเคยแต่ถูกจับมาแปลงร่าง จัดระบบใหม่ เน้นรสธรรมชาติจากวัตถุดิบ ด้านล่างจะเป็นเนื้อปลาสลิดฟูกรอบ ที่ผ่านกระบวนการนึ่ง เสร็จแล้ว Dry Aged สับแล้วทอด ส่วนผสมทุกอย่างถูกนำไปคั่วไฟบนเตาถ่านทำให้กลิ่นอโรมามากเป็นพิเศษ

ทุกจานที่ผ่านเริ่มพอจะเก็ตความสนุกในรสชาติอาหาร จากจังหวะผ่อนหนักและเร่งไปข้างหน้าแบบลงตัวของเชฟ ที่ไม่ปล่อยให้เครื่องติดแบบเสียเปล่า เพราะส่วนของเมนคอร์สจัดมาแบบสำรับไทย ครบเครื่องเมนูสามัญกินอร่อยแบบเต็มโต๊ะในเวอร์ชั่นใหม่

ทั้ง ‘น้ำพริกถั่วลิสง’ รสนวลๆ สูตรโบราณจากปี 2475 เด่นด้วยน้ำเคยดีผสมกับเครื่องน้ำพริกที่ผ่านการคั่วกระทะ ‘กุ้งแม่น้ำย่างซอสซาเตี๊ยะ’ พัฒนาจากหมึกไข่เป็นกุ้งแม่น้ำตัวโต ได้ความหวานฉ่ำแทรกรสเปรี้ยวจากสับปะรดที่เอาไปตุ๋นในซอสซาเตี๊ยะ

‘แกงยาปลาเห็ดโคน’แกงหอมๆ หนักสมุนไพร ที่กินแล้วชวนคิดถึงรสชาติคุ้นๆ เพราะนี่ถือเป็นแม่ของแกงเลียง แกงน้ำยาป่าถ้าพอจะให้นึกถึงรสชาติได้

และ ‘ซี่โครงเนื้อวากิวซอสกะเพราแดง’ จานไม้ตายของร้าน ที่หยิบเอาผัดกะเพรามาทำในแบบนุสรา ได้ความเผ็ดร้อนจัดจ้าน ชูรสเนื้อไทยวากิวจากสกลฯ หมักเครื่องกะเพราแบบเข้าเครื่องกิน ราดด้วยซอสกะเพราผสมเนื้อบด

ทั้งหมดกินคู่กับข้าวหอมมะลิหุงน้ำลอยดอกชมนาท พร้อมวิวสวยๆ ตรงหน้าที่ฟ้าเริ่มมืดก็ยิ่งทวีคูณความสวย ล้างปากด้วย ‘ซุปเนื้อ’ จากเทคนิคคอนซูเม่ดึงรสเนื้อออกมาในซุปสีใสรสเชงเชง และเนื้อห่อใบคะน้า ก่อนปิดท้ายด้วย ‘สาคูมะพร้าวอ่อน’ กินคู่ไอศกรีมมะพร้าวสดและเกาลัดดิบฝาน

  • ค็อกเทลบาร์
  • รัตนโกสินทร์

บาร์ใหม่ของ ‘หนึ่ง รณภร’ ที่คราวนี้ขอมาอยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับ Nussara (นุสรา) ร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งของ ‘เชฟต้น ธิติฏฐ์’ ที่ตอนนี้ย้ายมาอยู่แถวท่าเตียน ตรงข้ามวัดโพธิ์พอดิบพอดี และไม่เพียงเท่านั้น ชื่อของ Nuss Bar (นุสบาร์) ยังมาจากชื่อเล่นของคุณยายนุสรา คุณยายของเชฟต้นผู้เป็นแรงบันดาลใจให้กับร้านอาหารแห่งนี้ เพราะอยากให้นุสบาร์เป็นพื้นที่สบายๆ ใครก็สามารถแวะเข้ามานั่งดื่มได้ชิลๆท โดยไม่จำเป็นต้องมากินอาหารที่นุสราก็ได้ ส่วนค็อกเทลของนุสบาร์จะเน้นเสิร์ฟเป็นคลาสสิกทวิสต์

Nuss Bar อยู่ที่ถนนมหาราช เปิดทุกวันพุธ - จันทร์ เวลา 17.00 - 00.00 น.

 

การโฆษณา
  • สตรีทฟู้ด
  • รัตนโกสินทร์

สตรีทฟู๊ดเจ้าดังแห่งย่านท่าเตียน ขึ้นชื่อในเรื่องของเนื้อย่างติดมันเล็กน้อยความสุกแบบมีเดียมแรร์ตามชื่อร้านพอให้เคี้ยว ราคาสบายกระเป๋าเสิร์ฟมาในเขียงไม้พร้อมน้ำจิ้มแจ๋วให้เลือก 3 ขนาด S M และ L  นอกจากนี้ยังมีอาหารอีสานแบบครบเครื่องทั้งส้มตำ ยำ ลาบ น้ำตก ต้มแซ่บ ให้สั่งมากินพร้อมจิบไวน์ชมวิววัดโพธิ์ที่อยู่ตรงข้ามร้านแบบเต็มตา ตัวร้านสังเกตได้ไม่ยากแค่มองหารถตุ๊กตุ๊กที่บรรทุกขวดไวน์ไว้เต็มคันรถจอดดอยู่ แล้วตรงเข้าไปได้เลย 

Medium Rare ตั้งอยู่ที่ ถนนมหาราช พระบรมมหาราชวัง พระนคร กรุงเทพมหานคร

  • อาหารไทย
  • รัตนโกสินทร์
  • ราคา 3 จาก 4

อาหารสไตล์ตามใจน่ะ อยากทำอะไรก็ใส่ๆ ไป” โอม-ฐานทัศน์ ชมภูพล เจ้าของร้านอารมณ์ดีของ แสงท่าเตียน ร้านอาหารไทยสุดจองยากตอนนี้พูดติดตลก

แสงท่าเตียน เป็นร้านเล็กจิ๋วขนาด 5 โต๊ะ ที่ซ่อนตัวอยู่แถวท่าเตียน ไม่ไกลจากร้านเวียดนามดัง ตงกิง อันนัม ที่อยู่ไม่ไกลกัน “ก็มากินตงกิงนี่แหละ เลยเห็นห้องที่ว่างให้เช่าอยู่” เขาเล่าที่มาที่ไป

จุดเริ่มต้นเกิดจากโอมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ชอบทำอาหารมาก เข้าครัวช่วยแม่หยิบจับตั้งแต่เด็กและยังมีหัวคิดสร้างสรรค์ดัดแปลงสูตรไปเรื่อย ด้วยความที่รสมือดีเลยไม่ได้แค่ทำกินเอง แต่ยังเผื่อแผ่ให้เพื่อนด้วย ด้วยแรงยุของเพื่อน และเกิดจับพลัดจับผลูมาได้ตึกแถวที่เคยเป็นโรงน้ำแข็งเก่าในย่านท่าเตียน แสงท่าเตียนก็เลยเกิดขึ้นแบบงงๆ เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นับถึงตอนนี้แสงก็มีอายุได้ 7 เดือนพอดี — แต่คิวจองนั้นยาวไปเกินกว่านี้มากแล้ว

เจ้าของชื่อโอม ท่าเตียนคือชื่อย่าน แล้วชื่อ ‘แสง’ นั้นมาจากไหน? ถามได้ความว่า ‘แสง’ คือชื่อของคุณปู่ที่เสียไปแล้วของโอม เป็นคนที่เขาบอกว่าให้โอกาสและการสนับสนุนเขามาตลอดเมื่อยังมีชีวิต การเอาชื่อคุณปู่มาตั้งชื่อร้านเลยไม่ใช่เป็นการระลึกถึง แต่ยังเป็นมงคลอีกด้วย

ถึงจะพูดขำๆ ว่าเป็นอาหารตามใจ แต่อาหารของแสงท่าเตียนก็คืออาหารไทย ไทยใต้ ไทยจีนที่เราคุ้นเคย เป็นอาหารและรสชาติแบบที่หลายคนเรียกติดปากกันว่าอาหารรสมือแม่นั่นแหละ แค่แม่คนนี้ติดหวานสักหน่อย รสอาหารเลยจะกระเดียดไปทางนั้น — ซึ่งโอมก็รู้ตัว “เราติดหวานนิดนึง” เขาว่า “ตอนแรกก็เกร็งๆ เวลาตักน้ำตาลใส่ [อาหาร] ตอนคนว่าหวานไป แต่เราว่ามันต้องเท่านี้ล่ะ ก็ เอาวะ เป็นตัวเอง” ซึ่งอันนี้เราว่าดี หวานก็หวาน จริงใจ

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหวานโดด หวานของแสงท่าเตียนให้ฟีลหวานคนภาคกลาง แค่คนที่ไม่กินหวานก็แปร่งลิ้นสักหน่อย ทดแทนด้วยรสจัดจากเครื่องแกงตำเอง รสชาติจัดจ้านแบบคนทำกับข้าวไม่หวงเครื่อง และเนื้อสัตว์และของทะเลชิ้นโต โดยทุกจานโอมจะเป็นคนลงกระทะลงหม้อเองทั้งหมด

จานชื่อดังที่เราแนะนำให้สั่ง (เพราะมีคนบอกมาอีกทีเป็นทอดๆ) คือหมูสามชั้นทอดน้ำปลา หมูชิ้นโตที่ทอดจนกรอบนอกนุ่มใน; ข้าวขยำปู ข้าวสวยมาพร้อมกับเนื้อปูก้อน หอมและพริขี้หนูซอย และน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน ให้เราให้สนุกคลุกไปน้ำลายสอไปกันเองบนโต๊ะ; หลนปู เครื่องจิ้มน้ำกะทิที่กินได้เพลินๆ กับผักสด; ไข่พะโล้ต้มยำ ไขยางมะตูมในน้ำพะโล้ที่ปรุงเสียจนแซบ; และตำสตรอว์เบอร์รีกะปิหมูหวาน จานโปรดของเจ้าของร้านที่มีทั้งสตรอว์เบอร์รี สะตอ ชะอม หมูหวานหนุบหนับ และน้ำยำรสจัด, และปิดท้ายด้วยโรตีกรอบกุสินารา ที่โอมได้สูตรเมื่อครั้งตามคุณแม่ไปแสวงบุญที่อินเดีย แถมมากับบุญที่ได้กลับมาคือสูตรแป้งโรตีพับรูปสามเหลี่ยมที่ทอดจนป่องกลาง โรยน้ำตาลและราดนมข้น หอม กรอบ เคี้ยวเพลิน

เราลืมจดราคามา แต่รวมๆ ไม่โหดร้าย ไปเจ็ดคน สั่งเต็มโต๊ะเป็นสิบอย่าง หารออกมาก็ประมาณคนละพันบาท

การโฆษณา
  • คาเฟ่
  • รัตนโกสินทร์

ถึงแม้ว่าร้านคาเฟ่วาฬสีน้ำเงินที่ปรับเปลี่ยนโครงสร้างตึกแถวในซอยเล็กๆ ให้กลายเป็นคาเฟ่ 3 ชั้นดีไซน์น่ารัก จะไม่ใช่ร้านใหม่ล่าสุด แต่พวกเขาเพิ่งปรับเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ร้านที่เน้นอาหารมากขึ้นอย่างจริงจัง ทั้งจำนวนเมนูและปริมาณที่มาในจานใหญ่เกินขนาดจะเสิร์ฟในโต๊ะคาเฟ่ตามชื่อร้านเวอร์ชั่นอัปเดต พร้อมการดีไซน์ที่ดูสว่าง มินิมัล และโมเดิร์นมากขึ้น ด้วยสีขาวและวัสดุตกแต่งหลักเป็นไม้ ซึ่งยังคงกลิ่นอายของสีน้ำเงินตามร้านเดิมไว้ ทางด้านเมนูอาหารจะเสิร์ฟแบบ all day dining อยากกินแพนเค้กหรือเมนูอาหารทั้งไทยและฝรั่งตอนไหนก็สามารถสั่งได้ 


Blue Whale Local Eatery ตั้งอยู่ที่ 37 ถนนมหาราช เปิดให้บริการวันอังคาร - อาทิตย์ ตั้งแต่ 09.00 - 18.00 น. โทร 096-997-4962 หรือ www.facebook.com/bluewhalebkk

  • อาหารจีน
  • รัตนโกสินทร์

ร้านอาหารสไตล์จีนของร้านธนา (Tana) สามารถใช้นิยามของคำว่า home-cooked ได้ตรงตัวมากที่สุดแล้วก็ว่าได้ เพราะตัวร้านปรับปรุงมาจากตึกแถวที่เป็นบ้านของครอบครัว ธนาโรจน์ปิยทัช และสมาชิกในครอบครัวยังร่วมกันนำเสนอรสชาติประจำบ้านผ่านอาหารฝีมือคุณแม่ อย่างเช่น ข้าวหน้าหมูธนาเสิร์ฟพร้อมแตงโมดอง หรือหมูตุ๋นสมุนไพร 18 ชนิด ฯลฯ โดยเมนูอาหารจะเป็นอาหารสไตล์จีนท้องถิ่น และคำว่าท้องถิ่นของร้านยังหมายถึงถิ่นท่าเตียน เพราะวัตถุดิบยังจากตลาดท่าเตียนใกล้ๆ กับร้านอีกด้วย 

 

Tana ตั้งอยู่ที่ 117 ถนนมหาราช เปิดให้บริการวันอังคาร - อาทิตย์ ตั้งแต่ 11.00-17.00 น. (ศุกร์ - เสาร์ เปิดถึง 20.00 น.) โทร 0 2222 3480 หรือ www.facebook.com/tanabangkok/ 

การโฆษณา
  • อาหารอิตาลี
  • รัตนโกสินทร์

ภายในตึกแถวอายุกว่า 100 ปี เมื่อผลักประตูเข้าไปจะพบกับจักรวาลของอาหารจากเครือ It's "Happened to be" a Closet ที่วางใจเรื่องรสชาติอาหารที่ดีเสมอต้นเสมอปลายได้เสมอ สำหรับสาขานี้ถึงแม้จะขนาดเล็กกะทัดรัด แต่โซนที่นั่งแบบต่างๆ ตลอดพื้นที่ทั้ง 4 ชั้น จะชวนให้คุณได้นั่งแชร์สปาเกตตี  และอาหารอิตาเลียนจานอื่นๆ ท่ามกลางการตกแต่งร้านสไตล์ maximalism ที่ดูยุ่งเหยิงแต่ลงตัวแถมเข้ากันดีกับบรรยากาศโดยรอบร้านอีกด้วย

A Fox Princess Kitchen ตั้งอยู่ที่ 83 ถนนมหาราช เปิดให้บริการวันพุธ - จันทร์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 22.00 น. โทร 062 660 5558 หรือ www.facebook.com/afoxprincesskitchen/ 

  • อาหารไทย
  • รัตนโกสินทร์
  • ราคา 2 จาก 4

เรือนกระจกสีน้ำเงินกรมท่ากับขอบริ้วหน้าต่างสีทองโดดเด่นริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ หากเห็นแค่เพียงแว็บแรกคงจะนึกไม่ออกว่ามันเคยเป็นโรงรถ ก่อนจะถูกเนรมิตให้กลายเป็นร้านอาหารไทยดั้งเดิม ในบรรยากาศเก่าๆ ที่น่าสนใจ ด้วยผนังสีเปลือยสลับน้ำเงินกรมท่าเรียบขรึม วางทับผนังด้านที่เปลือยด้วยบานเฟี้ยมเพนต์ลายครามแบบจีน ตัดกับเก้าอี้หวายและเก้าอี้หนังหลายแบบหลายลวดลายและซุ้มต้อนรับไม้ไผ่ได้ดี เสริมความสบายตาด้วยต้นไม้ใบเขียวหลายชนิด รวมทั้งแต่งแต้มบรรยากาศด้วยของตกแต่งหน้าตาไม่เข้าพวก อย่างประติมากรรมกรีกครึ่งตัวคล้องมาลัยดาวเรือง หรือ ตุ๊กตายางเด็กทารกบนหิ้ง เป็นต้น

เราขอแนะนำให้ลองเมนูของทานเล่นโบราณอย่าง ปลาแห้งแตงโม (280 บาท) แตงโมหั่นเต๋าเนื้อฉ่ำ กินคู่กันกับปลาแห้งที่ทำจากปลาช่อนแห้งสิงห์บุรีย่าง โขลก ก่อนจะคั่วจนขึ้นฟู ผสมเข้ากับน้ำตาลและหอมเจียว และ ข้าวผัดกุ้งโรงรส (290 บาท) ซึ่งทีเด็ดอยู่ที่กุ้งแช่บ๊วยหวานย่างถ่านจนกรอบจนสามารถกินได้ทั้งเปลือก เข้ากันได้ดีกับข้าวคลุกน้ำพริกลงเรือ เสิร์ฟเคียงด้วยผัก พริกสด และไข่เค็มไชยาที่มีความหอมมัน

การโฆษณา
  • ไวน์บาร์
  • รัตนโกสินทร์
  • ราคา 3 จาก 4

เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร แห่งร้านอาหารติดดาว Le Du ที่เรารู้จักกันดี จับมือพี่ชายตาม-ชัยศิริ เปิดไวน์บาร์ใหม่ในย่านท่าเตียนที่เลือกจับคู่ natural wine กับอาหารไทยรสชาติจัดจ้านได้อย่างลงตัว

เมรัย ปลุกตึกแถวย่านท่าเตียนด้วยการตกแต่งภายในจัดจ้าน ไฟนิออน และบรรยากาศที่ราวกับยกบาร์เท่ในย่านนานามาซอยเล็กๆ ริมน้ำ ถ้าไม่รู้จะนั่งตรงไหนเราขอแนะนำให้ตรงไปนั่งหน้าบาร์ เพราะต้นและตามจะผัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเล่าเรื่องสนุกเบื้องหลังขวดไวน์แต่ละยี่ห้อให้คุณฟัง และชวนคุณดื่มด่ำกับไวน์ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีธรรมชาติ อย่างเช่น Phaunus Pet Nat 2017 (1,990 บาท/ขวด) สปาร์คลิงไวน์จาก Vinho Verde ประเทศโปรตุเกส ที่ใช้กรรมวิธีโบราณในการบ่มโดยไม่ใช้ยีสต์หรือน้ำตาลแม้แต่น้อย หรือถ้าคุณชอบไวน์ฟุลบอดี้ คุณอาจจะได้รับคำแนะนำให้รู้จักกับ Alpsmanta Natal Malbec 2017 (1,699 บาท/ขวด) จาก Mendoza ประเทศอาเจนตินา ที่เปล่งกลิ่นหอมๆ ของพลัมและแบล็คเคอเรนต์ออกมาทุกๆ จิบที่คุณสัมผัส หรือถ้าอยากลองไวน์อื่นๆ เมรัยก็พร้อมให้บริการในราคาเริ่มต้นที่แก้วละ 200 บาทเท่านั้น

หรือถ้าอยากจะลองอะไรโลคัลๆ ลองกระซิบถามถึงยาดองดู เพราะเมรัยมีสูตรยาดองของตนเองที่ปรุงจากสมุนไพรถึง 12 ชนิดด้วยนะ

อาหารไทยรสจัดจ้านที่เราพูดเมื่อตอนต้นก็คืออาหารเส้นรสสะดุ้งลิ้นอย่างผัดไทย ที่เชฟต้นเปิดราคามาเพียงแค่จานละ 79 บาทสำรับผัดไทยธรรมดา หรือจะลองขั้นกว่าอย่างผัดไทยกุ้งแม่น้ำที่มาในราคาจานละ 690 บาท ส่วนสารอาหารเส้นเมืองเหนือต้องไม่พลาดลองสั่งข้าวซอยเนื้อวะกิว ที่คอเนื้อว่าคุ้มค่าคุ้มราคาชามละ 390 บาท

ส่วนชั้นสองของเมรัยนั้น เชฟต้นบอกเราว่าเขาเตรียมจะทำเป็นร้านอาหารไทยปรุงอาหารตามตำรับโบราณแต่นำเสนอในแบบไฟน์ไดนิ่งตามที่เขาถนัด นักกินอดใจรอกันอีกนิด ไม่นานเกินรอ

  • คาเฟ่
  • รัตนโกสินทร์

แอนทีคคาเฟ่ที่ใช้ชื่อดั้งเดิมของของย่านนี้อย่าง ‘ฮาเตียน’ เป็นชื่อของร้าน เนื่องจากแต่ก่อนบริเวณนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวญวนที่อพยพหนีภัยสงครามจากเมืองเว้ ประเทศเวียดนาม และพวกเขาก็พร้อมใจกันเรียกบริเวณนี้ว่าฮาเตียน เพราะมีความคล้ายคลึงกับเมืองฮาเตียน เมืองท่าทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ก่อนที่ชื่อดังกล่าวจะถูกพูดต่อจนเกิดการเพี้ยนเสียงมาเป็นท่าเตียนในที่สุด

คาเฟ่อยู่ในตึกเก่าอายุนับร้อยปีซึ่งถูกเนรมิตขึ้นใหม่ให้มีบรรยากาศคลาสสิกเคร่งขรึม ด้วยผนังโทนสีเข้มเผยให้เห็นโครงสร้างอิฐแดงบางส่วน คุมโทนด้วยเฟอร์นิเจอร์วินเทจ พร้อมแต่งแต้มความหรูด้วยแชนเดอเลียร์ขนาดเล็ก กรอบรูปสีทองบนผนัง และของตกแต่งอันน่าตื่นตาอย่างนกสตัฟฟ์หลายตัว ดูๆ ก็คล้ายว่านั่งอยู่ในพิพิธภัณฑ์สัตว์ปีก ส่วนเครื่องดื่มและอาหารนั้นก็มีหลากหลาย ตอบโจทย์ทั้งคนที่ชอบดื่มกาแฟ ชอบดื่มน้ำผลไม้ หรือชอบกินของหวาน

การโฆษณา
  • อาหารไทย
  • รัตนโกสินทร์
  • ราคา 2 จาก 4
  • 5 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ
Supanniga Eating Room
Supanniga Eating Room

หลังจากเปิดตัวร้านสองสาขา รวมไปถึงบริการล่องเรือพร้อมอาหารค่ำไปไม่นาน ตอนนี้ Supanniga Group ได้จับมือร่วมกับ Roots Coffee เปิดตัวร้านอาหารใหม่ที่นำเมนูอร่อยจากร้าน Supanniga เสิิร์ฟพร้อมกับกาแฟคุณภาพดีของ Roots เพื่อนำเสนอประสบการณ์การกินอาหารริมแม่น้ำที่รับรองว่าสามารถสร้างความประทับใจให้คุณอย่างแน่นอน 

  • อาหารเวียดนาม
  • รัตนโกสินทร์
  • ราคา 2 จาก 4
  • 5 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ

Tonkin-Annam (ตงกิง-อันนัม) เป็นร้านที่คุณกาย ไลย มิตรวิจารณ์ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารของเมืองไทย ตั้งใจให้เป็นร้านที่เสิร์ฟแต่อาหารเวียดนามแบบต้นตำรับจากทางเหนือและตอนกลางของประเทศ เพื่อเป็นการรำลึกถึงบรรพบุรุษชาวเวียดนามที่มีถิ่นฐานอยู่ในเมืองตงกิงและเมืองอันนัมในภาคเหนือและกลางของประเทศเวียดนาม

การโฆษณา
  • อาหารไทย
  • รัตนโกสินทร์
  • 3 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ
Above Riva
Above Riva

Above Riva (อโบฟ ริวา) ร้านอาหารไทยฟิวชั่นที่มาพร้อมกับวิวสวยๆ ของแม่น้ำเจ้าพระยา วัดโพธิ์ วัดพระแก้วและวัดอรุณ

  • Hotels
  • โรงแรมบูติก
  • รัตนโกสินทร์
  • 4 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ
Sala Rattanakosin
Sala Rattanakosin

ที่ศาลารัตนโกสินทร์ไม่ได้มีแค่ห้องพักและร้านอาหาร แต่ยังมีโซน Rooftop ที่เห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาและวัดอรุณอย่างชัดเจน คู่กับค็อกเทลสีสันสดใส 

การโฆษณา

คาเฟ่น้องใหม่ในย่านเก่า ที่ตั้งใจให้ทุกคนได้ใช้เวลาพักผ่อนแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ว่าจะมานั่งทำงาน อ่านหนังสือ หรือหลบแดดหลังจากเดินตะลุยย่านท่าเตียนมา ด้วยการตกแต่งแบบเรียบง่ายเน้นสีขาวสะอาดสบายตา มองดูแล้วเหมือนบ้านสไตล์ญี่ปุ่น นอกจากเมนูเครื่องดื่มทั้งชา กาแฟ และพวกเบเกอรี่ชิ้นน่ารักแล้ว ที่นี่ยังมีผลิตภัณฑ์เครื่องหอมและสินค้าไลฟ์สไตล์จากแบรนด์ของร้าน ให้สามารถเลือกซื้อติดมือกลับบ้านได้


Take a Zizz Cafe ตั้งอยู่ที่ 394/13 ถนนมหาราช เปิดให้บริการวันอังคาร - อาทิตย์ ตั้งแต่ 10.00 - 18.00 น. โทร 088-974-6298

 

เรื่องเด่น
    เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ
      การโฆษณา